11 อาการอันตราย ของยาลดความอ้วนอันตราย

          บทความที่คุณจะได้อ่านต่อไปนี้ จัดทำขึ้นเพื่อเป็นอุทธาหรณ์แก่คนอยากลดความอ้วน ไม่ได้มารีวิวขายสินค้าอย่างใดแน่นอน เพียงแ...


          บทความที่คุณจะได้อ่านต่อไปนี้ จัดทำขึ้นเพื่อเป็นอุทธาหรณ์แก่คนอยากลดความอ้วน ไม่ได้มารีวิวขายสินค้าอย่างใดแน่นอน เพียงแต่อยากมาเล่าประสบการณ์การทานยาลดความอ้วนที่เกือบเอาตัวเองกลับมาไม่รอด เนื่องจากตอนนี้ก็ทำงานแล้ว และงานที่ทำอยู่เป็นงานที่ทำด้านการตลาด เป็นงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆอยู่เสมอ เพราะยาลดความอ้วนตัวนี้นี่ละครับ ที่ทำให้จุ้ยเกือบกลับมชีวิตในการทำงานไม่ได้ มาเล่ากันเลยดีกว่า ขอเริ่มเล่าย้อนกลับไปเมื่อตอนยังเรียนเป็นคนหุ่นขึ้นๆ ลงๆเพราะเป็นคนอ้วนง่ายและลงยากแบบนี้เชื่อว่าหลายๆคนคงเป็นลองมาดูหุ่นของเราในแต่ละปีกัน

"หลายๆคน คงจะประสบปัญหาแบบนี้หรือไม่ !?!
หลายๆคน คงจะประสบปัญหาแบบนี้หรือไม่ !?!
หลายๆคน คงจะประสบปัญหาแบบนี้หรือไม่ !?!" 


"อ้วนขึ้น ทุกๆปี ไม่มีลดลงเลย !!!"

          รูปในปี 2015 นี่ทำให้เรารู้สึกไม่ไหวกับตัวเองแล้ว มีวันหนึ่งตัวเองมีแผลนกลับต่างจังหวัด กลับไปเที่ยวงานประจำปีของหมู่บ้าน เราอยากใส่กางเกงขายาวสีขาวมาก เลยวางแผนไปดูที่ UNIQLO เซนฑรันลาดพร้าว เมื่อหยิบกางเกงรุ่นที่ตัวเองได้ เดินเข้าห้องลองชุดและได้เห็นภาพตัวเองเต็มกระจก วันนั้นใส่กางเกงขาสั้น ใส่เสื้อยืดสีขาว ตอนนั้นมองคนในกระจกนานมาก รับไม่ได้กับสภาพตัวเอง ทำไมอ้วนถึงขนาดนั้น เห็นตัวเองในกระจกคือยักษ์ เราตั้งสติได้สักพักรีบลองกางเกงที่จะซื้อ ความรู้สึกเมื่อใส่กางเกงเสร็จ ถามตัวเองทันทีว่า "นั่นขาคนหรือขาช้าง" ตอนนั้นไม่รีรออะไรเลย ถอดกางเกงแล้วกลับบ้านทันที ไม่ซื้อแล้วกางเกง หลังจากนี้ขอนำรูปตั้งแต่ช่วงปลายปี 2014 จนถึงช่วงที่ทานยาลดความอ้วนกลางปี 2015


"อ้วนขึ้น ทุกๆเดือน ไม่มีลดลงเลย !!!"

"ถ่าย Selfie นั่นหน้า หรือจานดาวเทียม!!!"

          มาเล่าถึงช่วงที่ทานยาลดความอ้วน ตอนที่เริ่มทานยาตัวตัวเองเริ่มให้กำลังใจตัวเองตั้งปฎิภาณว่าต้องผอมให้ได้ ยาตัวนี้ทำให้เรารู้สึกไม่หิว เห็นอาหารคือไม่หิวไปเลย ไปทานบุปเฟต์กับที่ทำงาน จนทุกคนที่ทำงานงงว่าทำไมเราไม่ทานอะไรเลย ทั้งที่เป็นคนทานเก่งมาก ช่วงที่ทานยาหักโหมมาก ทั้งลดอาหารไปด้วย ออกกำลังกายด้วย ลองมาดูกันว่าในหนึ่งวันได้ทำอะไรไปบ้าง

เช้า : ก่อนไปทำงาน เราจะไปเดินที่สนามกีฬาแล้วบ้าน ออกกำลังกายด้วยการเดินเร็ว ไม่วิ่งเพราะคิดว่ามันเหนื่อยง่าย เดินเร็วให้ได้ 5 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ทำแบบนี้ตลอดที่ทานยาตัวนี้อยู่
กลางวัน : เป็นอาหารมื้อแรกที่ทาน จะทานช่วงเวลา 11.30 น. จะซื้อโจ๊กแบบซองในร้านสะดวกซื้อทั่วไป เพราะ 1 ซองทานแล้วให้พลังงานเพียง 100-150 แคลลอลี่
ช่วงเย็น : จะทานอาหารให้อิ่ม ซื้อไก่ทอด ตับไก่ทอด หมูทอด ส้มตำ หรือยำ แต่จะทานไม่หมด ทานอย่างละนิดหน่อย เพราะปกติแล้วยาลดความอ้วนชนิดนี้จะทำให้คุณไม่หิวข้าวเลย แต่เราต้องฝืนทาน เพราะคิดว่าร่างกายต้องการพลังงาน
ก่อนนอน : จะดื่มน้ำ และทานแอ๊ปเปื้ลสีเขียว 2 ลูก ต้องเป็นสีเขียวเท่านั้น

            ดูวิธีการปฎิบัติตัวแล้ว หลายๆคนคงคิดว่ามันลำบากแน่ๆ แต่ตอนนั้นเราไม่ได้ลำบากเลย เหมือนยาตัวนั้นเป็นตัวระงับประสาทให้เราไม่หิว ให้เราคิดอยู่อย่างเดียวว่าเราต้องผอม จนในที่สุดน้ำหนักที่มี 82 กิโลกรัม เหลือ 70 กิโลกรัม ภายในระยะเวลา 1 เดือนกว่า
            หลังจากนั้นชีวิตคือดีมาก ถ่ายรูปตอนไหนหน้าก็เล็กลง กลับไปใส่เสื้อไซต์ S และ M ได้ กางเกงทุกตัวใส่ไม่ได้เลย เพราะหลวมต้องหอบเอาไปให้ที่ร้านกางเกงยีนต์ (เพราะกางเกงที่ซื้อใส่ประจำมีบริการเอากางเกงเข้ารูปได้) ลองมาดูรูปเราเล็กๆน้อยๆ ว่าเรามีคามสุขกับหุ่นใหม่แค่ไหน

"หลังทานยา น้ำหนักลด 
ถ่ายรูปดีขึ้น ไม่อ้วนแล้ว หน้าไม่ใช่จานดาวเทียม"

"อย่าพึ่งไปหาซื้อยาตัวนี้ !!! 
หากคุณยังไม่อ่าน 10 ข้ออันตรายหลังจากนี้"

1.คุณจะเบลอตลอดเวลา ตาลอย นั่งเหมือนหูทวนลม คุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่อง 
2.คุณจะนอนไม่หลับ
3.คุณจะปากแห้ง ทำให้ต้องกินน้ำตลอดทั้งวัน อันนี้อาจจะเป็นสาเหจุทำให้เราผอม เพราะสารที่ไปกดประสาทไม่ให้หิวอาหาร แต่ทำให้ปากแห้งจำเป็นต้องดื่มน้ำแทน
4.คุณจะหงุดหงิดง่าย อารมณ์เสียบ่อย
5.คุณจะไม่สามารถทำงานออกมาได้ไม่ดีเลย ยิ่งเป็นงานใช้ความคิด การสร้างสรรค์ผลงาน
6.ใจคุณจะสั่น ในบางเวลา เหมือนหัวใจคุณโดนบีบ มีบางครั้งที่ตนเองนึกว่าจะตายในตอนนั้น
7.คุณจะแอบมีตาลายอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะตอนขับรถอันตรายมาก เกือยรถชนกับคันอื่นมาแล้ว
8.คุณจะกลายเป็นคนขี้ลืม หลงๆลืมๆตลอดเวลา
9.เมื่อคุณเลิกยา คุณจะหิวแบบพายุเข้า เนื่องจากยามีสารระงับประสาทไม่ให้คุณหิว เมื่อคุณหยุดยา ยาหมดฤทธิ์สมองคุณไม่ได้รับการระงับแล้ว คุณก็จะกลับไปกินเยอะเหมือนเดิม
10.คุณจะท้องผูก ขับถ่ายากมากๆ 
11.เมื่อผอมแล้ว คุณโยโย่แน่นอน เพราะคุณจะกลับไปกินอีกคั้ง

"หลังเลิกทานยามาแล้ว 3 เดือน เป็นอย่างไร !?!"
ช่วง 15 วันแรก : 15 วันแรกมันจะเหมือนเราทานอยู่ทุกวัน เหมือนยายังค้างที่ท้องเรา มันยังสั่งทำงาน มันยังให้เราไใ่หิวอาหารอยู่ อาการเบลอยังคงอยู่ เหมอลอย ไม่ได้ยินเสียงคนอื่น
ช่วง 1 เดือนแรก : อาหารหิวอาารเริ่มกลับมาแล้ว แต่เนื่องจากตัวเองได้อ่านรีวิวยาตัวนี้มาก่อนแระกอบกับถามคนที่เคยถามมาก่อน ว่ากันว่าเมื่อหยุดทานจะโหยแบบพายุหมุน เราจึงใช้ชีวิตแบบมีสติคือไม่ทานอาหารเยอะ ยังคงใช้กิจวัตรแบบที่เขียนอยู่ข้างต้นอยู่
ช่วงหลัง 1 เดือน : หลังๆมานี้เริ่มหลุดแล้วบางวันยังทนได้บ้าง บ้างวันก็หลุดไปเลย ออฟฟิศทานอะไรเราทานได้ด้วยหมด แต่ก้ยังพยามคุมสติได้อยู่
ปัจจุบัน : ก่อนที่จะหยุดยาน้ำหนัดไปหยุดที่ 68-69 กิโกลกรัม ความตั้งใจตัวเองอยากได้ 65 แต่คิดว่าตัวเองไม่ไหวแล้ว ถ้าทานต่อหลายเป็นคนบ้าแน่ๆ ตอนนี้น้ำหนักอยู่ตัวที่ไม่เกิน 71 กิโลกรัม หลายคนถามว่าทำไมไม่โยโย่เลย เราเลยตอบกลับไปว่า การโยโย่ไม่เกี่ยวกับยาลดหรืออาหารเสริม ผอมด้วยการออกกำลังกาย แต่วันหนึ่งไม่ควบคุมอาหารก็กลับไปอ้วนได้ ความสำคัญล้วนๆคือการทาน


"หาซื้อยาอัตรายตัวนี้ !!! ได้ที่ไหน"
          ยาตัวนี้หาซื้อง่ายมาก หาได้ตามอินเตอร์เน็ตทั่วไปได้เลย ราคาไม่แพงมาก บางร้านขาย 150 บาท ไปจนถึง 350 บาท ยาลดความอ้วนอันตรายตัวนี้มีหลายสูตรให้เลือกแต่คนส่วนใหญ่จะสั่งรุ่นคลาสสิคคือรุ่นที่เราทานอยู่ ทานวันละ 1 เม็ด บางวันลืมทาน วันถัดไปจะทาน 2 เลย เรียกว่าสู้ตายมากให้ผอมกับไปอีกข้าง

         เป็นอย่างไรบ้างครับ อ่านแล้วคิดว่าน่าจะเป็นประโยนช์ได้หรือไม่ ส่วนตัวแล้วบทความนี้น่าจะใช้เป็นอุททหรณ์ได้ไม่น้อย ยาลดความอ้วนราคาไม่กี่ร้อยบาท ไม่มี อ.ย. มีสารต้องห้ามผสมอยู่ เข้าใจอยู่ว่าปัจจุบันคนไทยชอบหาวิธีลัดกันเราก็เป็นอีกคนหนึ่ง แต่หากอยากหาตัวช่วยจริงๆ ลองหาตัวช่วยที่ถูกต้องกฏหมาย ขายในที่แจ้ง มีการการันตรีอย่างดี และสุดท้ายเราต้องคิดว่าตัวเองจะเหมาะกับสินค้าตัวนนั้นหรือ
          สุดท้ายนี้แวะเข้าไปพูดคุยกันที่ Facebook Fan Page เราได้ที่ www.facebook.com/ijuyyasostory ลองมาพูดคุยกันใครที่กำลังจะลดน้ำหนักหรือใครมีวิธีดีๆเอามาแชร์บอกต่อกัน ไว้พบเจอกันใหม่ที่กะทู้ถัดไป ขอบคุณที่อ่านจบครับ

"ใครลดความอ้วนอยู่ อย่าไปยุ่งกับมันเลย"





You Might Also Like

0 comments

Flickr Images

Flickr Images